Sidebar
อะไหล่รถยนต์ 5 อันดับ ที่มีโอกาส “เสียง่าย” มีอะไรบ้าง?

อะไหล่รถยนต์ 5 อันดับ ที่มีโอกาส “เสียง่าย” มีอะไรบ้าง?

  หากให้ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ตัวไหนที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ คงต้องตอบว่า “ทุกชิ้น” เพราะภายใต้คู่มือแนะนำรถมีการบอกให้ตลอดว่าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์แต่ละอย่างต้องจัดการดูแลและตรวจสอบด้วยความถี่ในระดับไหน เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอะไหล่รถยนต์เหล่านั้นมักส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อประสิทธิภาพการใช้งานของรถที่แตกต่างกัน ขอคัดเน้น ๆ สำหรับชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา หากดูแลรถยนต์รวมถึงมีการบำรุงรักษารถยนต์ตามรอบเป็นประจำ รับรองได้ว่าเจ้าของรถจะไม่ต้องปวดหัวกับอะไหล่รถยนต์เหล่านั้นเพราะต้องนำรถไปซ่อมอย่างแน่นอน มีชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่เปลี่ยนบ่อยที่นักขับทั้งหลายควรทำความรู้จัก ดังต่อไปนี้

1. แบตเตอรี่

อุปกรณ์ที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดพลังขับเคลื่อนให้กับรถยนต์ เพราะแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์สำหรับการจ่ายไฟเพื่อการสตาร์ทรถพร้อมกับควบคุมระบบไฟฟ้าภายในรถทั้งคัน ซึ่งทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่ไม่ต้องเติมน้ำดูแลได้ง่าย แต่หากไม่ทำความเข้าใจกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถของคุณได้ รวมไปถึงความหละหลวมเล็กน้อยที่สร้างปัญหาใหญ่ให้ได้ ยิ่งกับรถเกียร์ออโต้ คือการลืมปิดสวิตช์ไฟจนทำให้แบตเตอรี่หมด กลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมามากกว่าที่คุณคิดได้อีกด้วย

ทั่วไปการกำหนดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นกำหนดจากสภาพการใช้งานและประจุเซลล์แบตเตอรี่ที่ใช้ ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานที่ 1-3 ปี ตามแต่สภาพการใช้งานของรถแต่ละคัน ซึ่งการเปลี่ยนแบตเตอรี่แต่ละรอบต้องใช้งบประมาณในระดับ 1,000-3,000 บาท ตามขนาดกำลังเครื่องยนต์ของรถแต่ละคัน

2. หัวเทียนรถยนต์

อุปกรณ์ที่ไม่ค่อยได้รับความใส่ใจ ตรวจสอบ และบำรุงรักษา เพราะว่าเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้แอบซ่อนอยู่ในห้องเครื่องรถยนต์จึงทำให้ถูกละเลยเป็นอย่างมาก หน้าที่ของหัวเทียนคือการจุดระเบิดการสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อให้เกิดพลังสำหรับการขับเคลื่อน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อายุของหัวเทียนรถยนต์มีระยะการใช้งานที่ 40,000 – 50,000 กิโลเมตร หรือมีอายุประมาณ 1-2 ปีต่อการใช้งานหนึ่งรอบ

และเมื่อใดก็ตามที่หัวเทียนรถยนต์เริ่มมีปัญหาจะเริ่มส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ในทันที ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์สะดุด เครื่องเดินไม่เรียบ และอาจส่งผลเสียหายถึงระบบไฟฟ้าภายในเครื่องยนต์ได้อีกด้วย ซึ่งราคาค่างวดในการซ่อมแซมหัวเทียนรถยนต์นั้นอยู่ที่ประมาณ 500-1,500 บาท ซึ่งการละเลยเพียงเล็กน้อยอาจสร้างความเสียหายที่มีมูลค่าการซ่อมแซมในระดับหลายหมื่นบาทได้ ดังนั้น การตรวจสอบตามระยะเวลาและการเปลี่ยนหัวเทียนรถยนต์ตามระยะการใช้งานจึงถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

3. ผ้าเบรครถยนต์

ถือเป็นอุปกรณ์สิ้นเปลืองอีกหนึ่งชนิดที่มีความสำคัญมาก เพราะนี่คือตัวควบคุมความปลอดภัยทุกอย่างสำหรับการขับขี่นั่นเอง ผ้าเบรครถยนต์คือตัวห้ามล้อเพื่อช่วยให้รถชะลอความเร็วลงและจอดให้สนิทได้ จึงเป็นส่วนของอุปกรณ์ที่มีการสึกหรออย่างรวดเร็วตามสภาพการใช้งาน โดยมาตรฐานของการดูแลรถยนต์และการบำรุงรักษารถยนต์แล้ว ควรนำรถเข้าตรวจสอบระบบเบรครถยนต์และผ้าเบรครถยนต์เป็นประจำอย่างน้อยที่สุด 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง หรือทุกระยะ 10,000 กิโลเมตรนั่นเอง

สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผ้าเบรครถยนต์ คือ ผ้าเบรครถยนต์หมดที่มักมีทางเลือก 2 รูปแบบในการซ่อมแซม นั่นคือ การอัดผ้าเบรคใหม่หรือการเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์ชิ้นใหม่เลย ซึ่งถ้าคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักแล้วเมื่อใดก็ตามที่ผ้าเบรครถยนต์หมดอายุควรทำการเปลี่ยนใหม่เลยดีกว่า เพื่อประสิทธิภาพสำหรับการควบคุมรถที่ยังคงไว้ดังเดิม โดยควรทำการเปลี่ยนทุก ๆ 50,000 กิโลเมตร มีอัตราค่าเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1,500 – 4,000 บาท

4. สายพานรถยนต์

อีกหนึ่งอุปกรณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย ที่มักชำรุดทรุดโทรมอยู่บ่อยครั้ง นั่นคือชิ้นส่วนของสายพานรถยนต์ ซึ่งในรถยนต์หนึ่งคันนั้นมีสายพานรถยนต์อยู่ในหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นสายพานไดสตาร์ต ไดชาร์จ สายพานคอมเพรสเซอร์แอร์ สายพานของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ ซึ่งสายพานรถยนต์เหล่านี้ต้องรับแรงดึง แรงเค้นอย่างมาก ทางผู้ผลิตจึงต้องออกแบบให้สายพานรถยนต์มีความแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่สามารถทนทานต่อการทำงานได้มากถึง 100,000 กิโลเมตรกันเลยทีเดียว

แต่ไม่ว่าจะมีความทนทานมากเพียงใด แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อจำกัดในการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถที่วิ่งไม่มีหยุด อายุการใช้งานสายพานรถยนต์ในส่วนต่าง ๆ ของรถย่อมลดลงตามไปด้วย และสิ่งที่มักเกิดขึ้นอยู่เสมอที่เป็นสัญญาณเตือนว่าสายพานรถยนต์มีปัญหา ได้แก่ เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างผิดปกติ แต่หลายคนละเลยเพิกเฉย คิดว่ารถยังใช้งานได้อยู่ หรือ “เดี๋ยวค่อยเปลี่ยน” ทั้งที่ราคาของอะไหล่รถยนต์ในส่วนของสายพานนั้นมีราคาค่างวดอยู่ประมาณ 600 – 1,000 บาทเท่านั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่สายพานรถยนต์ขาดหมายถึงปัญหาใหญ่ที่ตามมาทันที เพราะนั่นหมายถึงจังหวะการควบคุมรถที่ขาดการต่อเนื่องและย่อมส่งผลต่อการทำงานเชื่อมโยงกับชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์อื่น ๆ อีกด้วย

5. กรองอากาศ และกรองน้ำมัน

ถือเป็นหนึ่งอุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ที่เปลี่ยนบ่อยมาก เรียกว่าแทบทุกครั้งที่คุณพารถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง คำถามที่ตามมาคือ “ต้องการเปลี่ยนกรองอากาศและกรองน้ำมันด้วยหรือไม่” จนใครหลายคนมองว่าเป็นการ up sale หรือเปล่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเจ้าอุปกรณ์แผ่นกรองทั้งสองตัวมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการใช้งานรถ นั่นเป็นเพราะแผ่นกรองทั้งสองจะทำการกรองสิ่งสกปรกหรือสิ่งปนเปื้อนใด ๆ ก่อนที่จะปล่อยน้ำมันหรืออากาศดีเข้าสู่ห้องเครื่อง

ซึ่งการอุดตันใด ๆ ก็ตาม ย่อมทำให้การไหลเวียนของน้ำมันและอากาศติดขัด และอาจนำมาซึ่งอาการที่เรียกว่า “เร่งไม่ขึ้น” เปลืองน้ำมันมากกว่าเดิม สนนราคาของเจ้าตัวกรองอากาศและกรองน้ำมันอยู่ระหว่าง 500-1,000 บาท ถือว่าเป็นอุปกรณ์ราคาไม่แพงแต่ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อยมากอีกชิ้นหนึ่ง ถ้าขาดการดูแลรถยนต์อย่างเป็นประจำ